แด่นักรบเงา ที่เสียสละแม้ชีวิต
เพื่อรักษาบ้านเมืองที่รักของเรา

Search

เล่ม 3 ‘เหยื่อ’

ไม่ตกสะเก็ด

ตอน 2

จะให้เท่าเทียมชาติตะวันตกในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมของยุโรป หมายความว่าญี่ปุ่น ก็ต้องฝึกหัดเป็นนักล่ากับเขาด้วย จะนั่งตกปลา แต่งสวน มองก้อนหิน อย่างเดิมๆ มันจะไปล่าอะไรได้

แล้วจะไปเริ่มล่าใครดีล่ะ ก็ต้องเริ่มทดสอบกับพวกอยู่ใกล้ๆตัว.. แล้ว เกาหลี ที่อยู่คนละฟากฝั่งทะเล ก็ได้รับเกียรติ ให้เป็นเป้าทดสอบ สำหรับนักล่าหน้าใหม่

จากรักสันโดษ เปลี่ยนไปสร้างสันดานใหม่

ปี ค.ศ.1876 เกาหลียังทำตัวตามสบาย ไม่คิดฝันว่าจะไปผ่าตัดเปลี่ยนหน้าใคร จะคิดปฏิรูปประเทศตามก้นตะวันตกแบบญี่ปุ่น ยิ่งนึกไม่ออกใหญ่ และก็ (ยัง) ไม่เป็นเป้าหมาย  ที่ตะวันตกสารพัดชาติเล็งจนน้ำลายหก แบบที่ทำกับจีน

แต่ที่สำคัญเกาหลี อุดมไปด้วยเหล็กและถ่านหิน

ญี่ปุ่นคิดว่า ถ้าจะเปลี่ยนประเทศจากกสิกรรม เป็นอุตสาหกรรม มันก็ต้องหาทรัพยากรพวกนี้ไว้ เพราะญี่ปุ่นเอง มีแต่ปลากับสาหร่าย พวกแร่เหล็ก ถ่านหินหาไม่ค่อยเจอ คิดแล้ว เป้าซ้อมการล่า ชื่อเกาหลี นี่น่าจะเหมาะเจาะกว่าเพื่อน

ปัญหาอยู่ที่ว่า เกาหลี เป็นเมืองที่ต้องส่งเครื่องบรรณาการ หรือ ส่งส่วยให้กับจีนทุกปี กษัตริย์เกาหลี ต้องแต่งตัวเต็มยศ ไปโค้งคำนับคารวะฮ่องเต้จีน …ญี่ปุ่นรู้เรื่องนี้ดี แต่ก็เดินหน้า ไม่ลองไม่รู้ ฉวยโอกาสตอนจีนกำลังมึน จากการถูกกลุ่มนักล่าตะวันตกรุมสกรัม นั่นแหละเหมาะที่สุด

แล้วญี่ปุ่นก็ยกกองทัพไปบุกเกาหลี แล้วก็บังคับให้เกาหลีทำข้อตกลง ยกเลิกอำนาจจีน ที่มีเหนือเกาหลี… เกาหลีตกใจเลยตกลง

นับว่า นักล่าหน้าใหม่สอบผ่าน เรียนได้เร็ว สงสัยมีครูดี

ปี ค.ศ.1894 เกาหลีเกิดตะลุมบอนกันเอง… จีนยังมองเกาหลี เป็นเด็กในปกครอง.. จึงส่งกองกำลังมาห้ามมวย

ส่วนญี่ปุ่น นักล่าหน้าใหม่ เห็นเกาหลีเหยื่อหมาดๆ มีเรื่องวุ่นวาย ก็ต้องโชว์มาดลูกพี่ …ส่งกองกำลังไปเกาหลีด้วยเหมือนกัน เลยจ๊ะเอ๋กับกองกำลังของจีน ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายจะ ต้องแสดงความเก่งกล้า ให้ปรากฏแก่สายตาของชาวเกาหลี… ก็เลยเป็นสาเหตุของสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ในปี ค.ศ.1894-ค.ศ.1895

ผลการรบปรากฏว่า จีนแพ้ญี่ปุ่นอย่างหมดรูป… จีนถอยทัพหงอยๆ ออกไปจากเกาหลี แต่ญี่ปุ่นไม่ถอยกลับ ยิ่งฮึกเหิมกว่าเดิม ล่าครั้งแรกก็ได้ผลแล้ว แถม นายเก่าของเหยื่อ ยังมาแพ้ต่อหน้าลูกกระเป๋งแบบ ไม่เหลือรัศมี… ญี่ปุ่นเลยจับมือเกาหลี ทำสัญญาใหม่ คราวนี้เอาให้ชัดๆ…. เกาหลี เจ้าตกเป็นเมืองขึ้นของเรา ญี่ปุ่น แล้วนะ… ส่วย บรรณาการอะไร ที่เคยส่งให้แก่จีน ก็จงเลิกส่ง และส่งมาให้เราแทน…. นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยัง ยึดหมู่เกาะต่างๆ ที่เป็นของจีน ติดไม้ติดมือไปด้วย

เกาะสำคัญที่ติดมือมาก็คือ เกาะไต้หวัน นั่นแหละ

แค่นั้น ยังไม่หนำใจ ญี่ปุ่นไปยึดเอาแหลมเลี่ยวตง (Liaodong Peninsula) ที่บรรดาชาติตะวันตก ต่างก็เล็งจะฮุบมาจากจีน แต่จีนดันเอาแหลมเลี่ยวตง ให้รัสเซียเช่าไปนานแล้ว… คราวนี้ก็สนุกซิครับ… ญี่ปุ่นยิ่งเบ่งพองขึ้นไปใหญ่ เกาหลีและจีน ได้เห็นอานุภาพกองทัพของญี่ปุ่นรุ่นใหม่แล้ว คราวนี้อิทธิพลของรัสเซียในเกาหลีและที่แมนจูเรีย กำลังจะถูกท้าทายเป็นลำดับต่อไป สันดานใหม่นี่มันโตไวจัง

แล้วรัสเซียก็ถูกญี่ปุ่นท้าทายจริงๆ

รัสเซียเป็นฝ่ายแพ้อย่างหมดท่าอีกราย ในการรบกับญี่ปุ่น Russo-Japan War ในปี ค.ศ.1904-ค.ศ.1905 …ทำให้ญี่ปุ่นขึ้นชั้นเป็นชาติมหาอำนาจทันที ญี่ปุ่นยึดแหลมเลี่ยวตงหรือแคว้นกวางตุ้งนั่นแหละ ที่รัสเซียเช่ามาจากจีน แถมยึดลามไปเอาสมบัติของแมนจูเรียคือ ทางรถไฟสายแมนจูเรียอีกด้วย

อืม..เรื่องทางรถไฟมาอีกแล้ว จำไว้นะครับ สมัยก่อนทางรถไฟคือ เส้นเลือดใหญ่ของประเทศ

ลำพังญี่ปุ่นเอง เป็นนักล่าหน้าใหม่ไม่น่าจะขวัญกล้าสามารถ เดินหน้าไปท้ารบรัสเซียที่รุ่นใหญ่กว่าแยะนัก และรบชนะเสียด้วย ถ้ายังจำกันได้ (สำหรับท่านที่อ่านนิทานเรื่อง ต้มข้ามศตวรรษ มาแล้ว) ญี่ปุ่น มีคนชักใย และช่วยหาทุนก้อนมหึมาให้ไปรบรัสเซีย เรื่องนี้ลืมไม่ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจญี่ปุ่นไขว้เขว เหมือนที่ญี่ปุ่นเอง อาจจะกำลังเขวอยู่

หลังสงครามญี่ปุ่นรัสเซียจบลง ญี่ปุ่นประกาศผนวกเกาหลีเป็นของตัวในปี ค.ศ.1910 …ญี่ปุ่นชักเชื่อว่า แนวทางปฏิรูปประเทศ ที่เอาอย่างตะวันตก ขยายกองทัพเพื่อไปล่าเหยื่อ นี่ มันถูกทาง …และมันอร่อยถูกปากจริงๆ

สงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่นไปเข้าร่วมสงครามกับเขาด้วย โดยอยู่ฝ่ายพวกอังกฤษ Allied Powers…ไม่ได้ไปรบอะไรกับเขาในยุโรปหรอก แค่ เตรียมไล่ เก็บเล็กเก็บน้อย พวกอาณานิคมของเยอรมัน ที่อยู่แถวแปซิฟิก ญี่ปุ่นกำลังเดินตามรอยตีนนักล่ารุ่นใหญ่ อย่างขะมักเขม้น และดูเหมือนนักล่ารุ่นใหญ่ ก็ไม่ได้ขัดขวาง หรือขัดคอ เพราะกำลังไม่ว่างมือว่างปาก

ญี่ปุ่นเลยกำแหงได้ใจ ส่งหนังสือเรียกร้อง 21 ข้อ ไปถึงจีน ที่เรียกว่า The Twenty-One Demands ในปี ค.ศ.1915 เป็นข้อเรียกร้องที่เรียกความฮือฮามาก โดยเฉพาะข้อที่ญี่ปุ่นต้องการให้จีน ส่งมอบการครอบครอง ท่าเรือ ทางรถไฟ เหมืองแร่ ฯลฯ ที่เป็นของเยอรมัน หรือที่เยอรมันเช่าไปจากจีน ให้ญี่ปุ่น

แต่ข้อเรียกร้องสุดท้ายของญี่ปุ่น นี่สุดยอดที่สุด คือ ให้จีน แต่งตั้งญี่ปุ่นเป็น ที่ปรึกษา การบริหารบ้าน เมือง ทั้งในด้านการทหาร การค้า การปกครอง และ ขอเป็นตำรวจร่วมด้วย… สรุป แปลความหนังสือเรียกร้อง 21ข้อ สั้นๆของญี่ปุ่น ถึงจีน ว่า…. กูจะกินมึงแล้วนะ นั่นแหละ มีปัญหาไหม

จีนเอง กำลังมีเรื่องวุ่นวาย หลังจาก ซุนยัดเซ็น ทำการปฏิวัติล้มราชวงศ์ชิง เมื่อปี ค.ศ.1911 ปฏิวัติสำเร็จ แต่ปกครองไม่ได้

จีนแบ่งเป็นก๊กเป็นพวก แย่งชิงอำนาจ หักเหลี่ยม หักหลังกันเองอยู่หลายปี มันเป็นจังหวะเหมาะแก่การ ปีนบ้านเข้าไปตีหัวเขา ระหว่างที่เขากำลังชุลมุนกัน จีนหมดทางสู้ญี่ปุ่น ทำท่าจะยอม …แต่จีนเป็นเหยื่อรายใหญ่คิดว่า นักล่ารุ่นใหญ่ เขาจะปล่อยให้นักล่าหน้าใหม่ ฉวยโอกาสคาบเอาไปง่ายๆหรือ 

การแย่งชามข้าวกับแบบเอิกเกริก ก็สามารถทำให้ชามกลิ้งคว่ำข้าวหก พากันอดแดกกันหมดได้ ขบวน การขัดคอ ขวางทางญี่ปุ่นจึงมาจากทุกทิศ

ข้อเรียกร้อง 21 ข้อ แบบด้านๆ ของญี่ปุ่น ก็เลยฝ่อไปดื้อๆ

แล้วบรรยากาศความเป็นมิตรก็เริ่มเปลี่ยน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบไม่เหมือนแผนที่วางไว้ หลายประเทศในยุโรป จบแบบช้ำชอกฉิบหาย แม้ว่าจะเป็นฝ่ายชนะสงคราม อังกฤษตัวตั้งตัวตี หรือฝรั่งเศส หรือแม้แต่เบลเยี่ยม ที่อ้างว่าเป็นกลาง แต่ญี่ปุ่นมาร่วมสงครามแบบเสมอนอก นอกจากไม่ช้ำ เพราะไม่ ได้ไปร่วมรบกับเขา แต่ดันฉวยโอกาส ไปอมของคนอื่นเขามาเสียเต็มปากแบบนี้ ลูกพี่นักล่ารุ่นใหญ่ก็คงไม่เอ็นดูน้องใหม่เท่าไหร่ แม้จะเคยบอกรับให้เป็นสมาชิกใหม่อนาคตรุ่ง… แต่เรื่องตัดหน้าคาบเหยื่อไปนี่ มันยอมให้กันไม่ได้ …มันเป็นเรื่องเสียทั้งหน้า เสียทั้งเหยื่อ

หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง ฝ่ายนิยมการสร้างกองทัพ เป็นผู้มีอำนาจบริหารญี่ปุ่น ญี่ปุ่นจึงยิ่งเหมือนว่าวติดลมบน หมายมั่นจะแผ่อำนาจของตน ไปครอบคลุมจีนให้ได้ เพราะช่วงระหว่างสงครามนั้น จีนกำลังอ่อนแอ เหมาะสำหรับที่จะงับทีละคำๆ

แต่หลังจากสงครามโลกจบ จีนที่แตกเป็นหลายก๊ก กลับมีการเคลื่อนไหว โดยกลุ่มก๊กมินตั๋งรวมตัวกันได้ และยึดส่วนใต้ของจีน เป็นเขตของตัวตั้งรัฐบาลฝ่าย Nationalist Government และตั้งเมืองนานกิง (Nanking) หรือบ้างก็เรียก นานจิง (Nanjing) เป็นเมืองหลวงของตัว ส่วนฝ่ายฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิตส์ ขึ้นไปยึดทางตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ระหว่างก๊กจะยังมีสู้กันเองบ้าง แต่ก็เริ่มมีทั้งกวาดล้างและกวาดมารวมกัน ปี ค.ศ.1928 จีนจึงเริ่มกลับมาแข็งแรงขึ้น

ญี่ปุ่นจับตาดูการเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เห็นจีนกำลังแก้แหที่ถูกโยนมาคลุมประเทศอย่างน่าสนใจ… นี่ถ้าจีนฟื้น ทางรถไฟแมนจูเรียและแคว้นกวางตุ้ง ที่เราไปจิกมาก็น่าจะไม่ปลอดภัย… ญี่ปุ่นพยายามมาเกือบ 50 ปี ที่จะไม่ต้องมีชะตากรรมอย่างจีน มาบัดนี้จีนดันจะฟื้น ญี่ปุ่นทนไม่ไหว รีบเปลี่ยนยุทธศาสตร์

ปี ค.ศ.1931 ญี่ปุ่นตัดสินใจบุกแมนจูเรีย เพื่อดูแลผลประโยชน์ (ที่ตัวเองไปยึดมา) ในแมนจูเรีย และกวางตุ้ง ญี่ปุ่นตั้งรัฐแมนจูกัวขึ้นมา เหมือนเป็นรัฐเถื่อน เพราะไม่มีใครรับรองญี่ปุ่นไม่มีพวกสนับสนุนในเรื่องนี้ แถมทำให้จีนหันกลับมาสู้กับญี่ปุ่นต่อ การปะทะกัน เริ่มกลับมาใหม่

ในที่สุดญี่ปุ่นก็ยั่วยุสำเร็จ สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นรอบ 2 ที่ สะพานมาร์โคโปโลก็เกิดขึ้น ในปีค.ศ.1937

สงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ได้จบเร็วอย่างสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ครั้งนี้ …พวกก๊กต่างๆ ของจีนสงบศึกกันเองชั่วคราว จับมือกันมาสู้ยิบตากับญี่ปุ่น และไม่ยอมสงบศึกกับญี่ปุ่น ที่เสนอเงื่อนไขหลอกให้จีนรับ เพื่อที่จะให้จีนอดตาย การรบยืดเยื้อไปถึงปี ค.ศ.1941 และในที่สุดก็เลิกรบกันไป เพราะญี่ปุ่น เปลี่ยนไปรบสนามใหญ่เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2

แต่การรบกับจีนครั้งนี้  แม้ญี่ปุ่นจะเหมือนชนะ แต่ญี่ปุ่นก็ยับเยิน มันเป็นการประเมินผิดของญี่ปุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ

การรบยืดเยื้อกับจีนครั้งนี้ ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นและกองทัพระเนระนาด ยาง เหล็ก น้ำมันร่อยหรอ และญี่ปุ่นไม่มีเพื่อนเหลือเลยในภูมิภาค นอกจากนั้นในสายตาของนักล่านานาชาติ… ยังรุมกันประณาม ญี่ปุ่นอีกว่า เป็นนักรุกราน ไม่มีใครคิดยื่นมือมาช่วยญี่ปุ่นรบจีน ภาพพจน์ของญี่ปุ่น กลายเป็นชาติโหด ร้าย ชอบรุกราน และในที่สุดอเมริกาก็ประกาศคว่ำบาตรญี่ปุ่นด้านการค้า

มาถึงตอนนี้ เหมือนญี่ปุ่นตัดสินใจผิดพลาด สู้อุตส่าห์ปฏิรูปประเทศ เดินตามหมากฝรั่งเปี้ยบเลย …แต่ทำไมพอญี่ปุ่นทำเหมือนตะวันตก …ตะวันตกกลับไม่พอใจ เอ๊ะ จะเอายังไงกันแน่

ญี่ปุ่นเดินตามก้นตะวันตกมาถึงกลางทาง แต่ญี่ปุ่นไม่มีทรัพยากรเหลือแล้ว มีแต่จะต้องเดินหน้าไปเอาของคนอื่น

ญี่ปุ่นมีของคนอื่นให้เลือก 2 แห่ง

แห่งหนึ่ง คือ ขึ้นเหนือไปไซบีเรีย ไปเอาของรัสเซีย

อีกแห่งคือ ลงใต้มาเอาแถบแปซิฟิก แต่แปซิฟิกใต้ ส่วนใหญ่ก็เป็นอาณานิคมของอังกฤษ

ในที่สุดญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกลงใต้……บุกแปซิฟิก!?! 

Scroll to Top