แด่นักรบเงา ที่เสียสละแม้ชีวิต
เพื่อรักษาบ้านเมืองที่รักของเรา

Search

เล่ม 3 ‘เหยื่อ’

ไม่ตกสะเก็ด

ตอน 4

วันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ.1937 ระหว่างที่ครอบครัวชิชิบุ กำลังฉอเลาะกับอังกฤษ กองทัพคันโตก็พร้อมที่จะมอบของขวัญให้แก่ชาวจีน ที่สะพานมาร์โคโปโล นอกกรุงปักกิ่ง

ญี่ปุ่นอ้างว่า มีเสียงปืนดังขึ้น ยิงมาใส่ทหารญี่ปุ่น โดยชายไม่ทราบว่าเป็นใคร (รายงานแบบ สื่อหัวสีบ้านเราเลย ฮา) ทหารญี่ปุ่นจึงยิงสวนกลับไป ยิงโต้กันไปโต้กันมาอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นก็บานปลาย ญี่ปุ่นบอก ต้องตามจับพวกคนจีนมาให้ได้ กองทัพญี่ปุ่น ประเมินว่าเรื่องนี้ น่าจะจบเร็ว ใช้เวลาไม่เกิน3 เดือนก็คงเสร็จญี่ปุ่น เหมือนเมื่อตอนรบในปี ค.ศ.1931

ทั้ง 2 ฝ่ายยิงสู้รบกันอย่างดุเดือนถึง 3 เดือนจริงๆ เมื่อกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งใช้ ยุทธศาสตร์การรบ “เผา ให้เรียบ ฆ่าให้หมด ขนให้เกลี้ยง “ไล่ล่าพวกจีนไปถึงแม่น้ำแยงซี ข้ามแม่น้ำไปล้อมเมืองนานกิง ก็ได้ข่าวว่า ฝ่ายการทูตของญี่ปุ่นเอง แอบไปเจรจาสงบศึกกับฝ่ายจีนเรียบร้อยแล้ว โดยติดสินบนจะจ่ายเงินก้อนใหญ่ ให้แก่นายพลเจียงไคเช็คของจีน ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้นำพรรคชาติชาตินิยม หรือที่เราคุ้นกันในชื่อ พรรคจีนก๊กมินตั๋ง

เจียงพร้อมจะรับเงินแล้วทิ้งนานกิง เลิกรบถอนกองทัพกลับ

ฝ่ายทหารญี่ปุ่นรู้เรื่องเข้า ก็ไฟธาตุแตก…ใครไปตกลง (วะ) ฝ่ายการทูตกับฝ่ายการทหารของญี่ปุ่น พูดกันเองไม่รู้เรื่อง…จักรพรรดิฮิโรฮิโต จึงส่งองค์ชายอาซากะ (Prince Asaka) ซึ่งเป็นอาเขยของจักรพรรดิมาบัญชาการแทน

อาซากะ มีชื่อเสียงว่าทั้งความประพฤติและอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ในลู่ในทาง และองค์หญิงภรรยา ซึ่งเป็นอาแท้ๆ ของจักรพรรดิ เพิ่งตายจาก เนื่องจากใช้ชีวิตสังคมทั้งดื่มทั้งเต้นหนัก…อาซากะ ก็เลยยิ่งกลับเข้าลู่ยากหน่อย

ก็น่าแปลกใจที่จักรพรรดิ ส่งคนอย่างอาซากะไปบัญชาการรบ

ขณะนั้น ผู้บัญชาการรบตัวจริงประจำหน่วยรบที่แยงซี นายพลมัตซุอิ อิวาเนะ (Matsui Iwane) ป่วยเป็นวัณโรคนอนซม ก่อนที่อาซากะจะมาถึงแยงซี เขารู้กิตติศัพท์ของอาซากะดี จึงให้แนวทางการรบเอาไว้ โดยให้กองทัพญี่ปุ่น ยึดแนวอยู่รอบนอกเมืองนานกิง และให้เฉพาะกองพลปืนใหญ่ที่ควบคุมได้ เข้าไปในเมืองเท่านั้น ห้ามหน่วยรบอื่นที่ควบคุมไม่ได้ เข้าไปในเมืองเด็ดขาด และห้ามปฏิบัติการใดที่ผิดกฎหมาย

ในเวลานั้นที่เมืองนานกิง เจียงไคเช็ค ถอนกองทัพของตัว หายหัวไปหมดแล้ว ชาวนานกิง ถูกทิ้งให้ดูแลกันเอง

เมื่ออาซากะมาถึง รู้ว่านานกิง ถูกล้อมและพร้อมที่จะยอมแพ้ เพราะมีแต่ชาวบ้านเหลืออยู่ แต่อาซากะบอกว่า เราจะให้บทเรียนกับพี่น้องชาวจีน อย่างที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม …We will teach our Chinese brothers a lesson they will never forget…

จีนไม่ลืมจริงๆ และด้วยตราประจำตัว อาซากะ ก็สั่งฆ่าเชลยทั้งหมด … Kill all captives…

แล้วการชำเรานานกิงหรือ The Rape of Nanking ประวัติศาสตร์ ของการทำร้ายชาวบ้านอย่างโหด เหี้ยมทารุณที่สุด ก็เกิดขึ้นในวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ.1937

ในวันนั้นกองทัพของญี่ปุ่น ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปในเมืองนานกิง ตามติดด้วยขบวนรถถัง ปืนใหญ่และปืนกล ชาวต่างชาติที่ติดอยู่ในเมืองบอกว่า การยิงใส่ทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าของกองทัพญี่ปุ่น ดำเนินติด ต่อกันอย่างไม่หยุด ไม่น้อยกว่า 10 วัน มันเหมือนนรกแตก ตลอดเวลานั้น ที่ยิงก็ยิงไป อีกส่วนก็ลากเอาชาวบ้านออกมารวมกัน ผู้หญิงทุกคน ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงแก่คราวย่ายาย ถูกรุมโทรม ซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่อหน้าครอบครัวที่ถูกบังคับให้ยืนดู และให้คนในครอบครัวทำชำเราให้ดูด้วย ถูกชำเราเสร็จ ไม่ตายเองก็ถูกฆ่าทิ้ง คนท้องก็ถูกนำมาชำเราด้วย เมื่อชำเราเสร็จ ก็ผ่าท้องเอาทารก มาฆ่าต่อ ประมาณว่ามี ผู้หญิงและเด็กกว่า 2 หมื่นคน บางข่าวว่า ถึง 8 หมื่นคน ถูกรุมโทรมและเสียชีวิต

ส่วนพวกผู้ชายถูกนำมามัดไว้ด้วยกัน บ้างถูกโยนทิ้งน้ำทั้งที่ถูกมัด บ้างถูกไฟเผาและที่เหลือถูกปืนกลยิงกราดจนตาย ยังมีพวกผู้ชายบางส่วน อีกประมาณ 2 หมื่น คนที่อายุรุ่นเกณฑ์ ถูกให้ฝึกเดินออกจากค่าย โดยทหารญี่ปุ่นใช้คนเหล่านั้น เป็นเป้าเคลื่อนที่ ทดสอบความแม่นยำ และหลายคนถูกใช้เป็นเป้า ทดสอบการตัดหัว

เหตุการณ์เช่นนี้ ดำเนินอยู่ถึง 3 เดือน จนอากาศเริ่มร้อน และฝนเริ่มตก ชิ้นส่วนศพเป็นพันๆ ชิ้น ที่ถูกทิ้งไว้โผล่ขึ้นเต็มเมือง แม่น้ำแยงซีกลายเป็นแม่น้ำเลือด

สื่อตะวันตกรายงานเหตุการณ์ที่นานกิงอย่างละเอียด

อาซากะไม่ใช่นายทหารสามัญ เขาเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ที่จักรพรรดิส่งไปบัญชาการเอง อาซากะถูกเรียกให้กลับโตเกียว แต่อาซากะไม่กลับ

ระหว่างที่เหตุการณ์โหดที่นานกิงดำเนินอยู่ องค์ชายชิชิบุยังอยู่ในยุโรป ข่าวของนานกิง ทำให้ชิชิบุ ฉอ เลาะต่อไม่ออก ขณะเดียวกัน ทางวอชิงตันประณามญี่ปุ่นอย่างรุนแรง ส่วนนอร์เวย์และสวีเดน ยกเลิกหมายกำหนดการต้อนรับชิชิบุ มีแต่ราชินีวิลเฮลมินา (Wilhelmina) ของฮอลันดา ที่ยังต้อนรับชิชิบุ ตามหมายกำหนดการเดิม เพราะกองทัพเรือญี่ปุ่นใช้น้ำมันจากบริษัท Dutch East Indies

จากฮอลันดา ชิชิบุเดินทางไปนูเรมเบิร์ก เพื่อพบกับอดอลฟ ฮิตเลอร์ ระหว่างทานอาหารกลางวัน ฮิตเลอร์ด่าสตาลินอย่างสาดเสียให้ชิชิบุฟัง แล้วชิชิบุก็เปลี่ยนแผน รีบเดินทางกลับญี่ปุ่น ผ่านอเมริกาโดยไม่แวะ มาขึ้นเรือที่แวนคูเวอร์ ระหว่างทางเขาได้ยินข่าวว่า ประธานาธิบดีรูสเวลท์ของอเมริกา ขู่จะคว่ำบาตรญี่ปุ่น ประชาชนอเมริกันสนับสนุนให้ทำ แต่มันยังเป็นแค่คำขู่ เพราะกลุ่มการเงินวอสตรีท (Wall Street) นำโดยเจ พี มอร์แกน (J P Morgan) ไม่เห็นด้วย เพราะได้ให้เงินกู้ และลงทุนไปแยะในญี่ปุ่น แมนจูเรีย เกาหลี และไต้หวัน เอ๊ะ เรื่องทำท่า จะมาอีหรอบเดิมหรือไง

Scroll to Top