แด่นักรบเงา ที่เสียสละแม้ชีวิต
เพื่อรักษาบ้านเมืองที่รักของเรา

Search

เล่ม 3 ‘เหยื่อ’

ไม่ตกสะเก็ด

ตอน  11

หลังจากซุนยัดเซ็นตาย เจียงไคเช็คก็ขึ้นมาหัวหน้าใหญ่ของพรรคจีนก๊กมินตั๋ง เจียงเริ่มตัวพองใหญ่ขึ้น เขาเริ่มปราบพวกเจ้าพ่อก๊กต่างๆ แม้ในตอนแรก เขาจะยังร่วมงานกับพรรคคอมมิวนิสต์ แต่พอถึงปี ค.ศ.1927 ทั้ง 2 ฝ่ายก็ออกอาการ มีการขบเขี้ยวใส่กันอยู่ตลอดเวลา ทำท่าว่าจะไปกันไม่รอด …แล้วเจียงก็ไล่ที่ปรึกษาโซเวียตกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เริ่มใช้กำลัง และความรุนแรงคุยกับเพื่อนร่วมอุดม การณ์… ไม่นานจีนก๊กมินตั๋งกับจีนคอมมิวนิสต์ก็แยกทางกันเดิน

อะไร ทำให้เจียงเปลี่ยนแนวทาง จนเดินทางเดียวกับจีนคอมมิวนิสต์ไม่ได้

มาดูประวัติ และเส้นทางชีวิตของเขาหน่อย

เจียงไคเช็คเกิดเมื่อ ปี ค.ศ.1887 ในหมู่บ้านทางตะวันออกของจีน พ่อตายก่อน แม่เป็นคนเลี้ยงเขามา พออายุ 14 หนุ่มเจียง ก็มีเมียคนแรก พออายุ 18 ก็เดินทางไปเข้าโรงเรียนทหารที่โตเกียว เขาบอกว่า เขาชอบความมีวินัยของกองทัพญี่ปุ่น ถึงปี ค.ศ.1911 เจียงก็กลับมาจีนและเข้าร่วมกับก๊กมินตั๋ง ได้เป็นทหารติดตามซุนยัดเซ็น แต่พอซุนยัดเซ็นลี้ภัยไปอยู่ญี่ปุ่น เขาก็ไม่ได้ตามไปด้วย

เมื่อซุนยัดเซ็น กลับมาฟื้นก๊กมินตั๋ง เจียงก็กลับมาติดตามซุนยัดเซ็นต่อ ระหว่างนั้นเจียงก็สร้างเครือ ข่ายอิทธิพลของตัวเองไปด้วย เมื่อซุนยัดเซ็นเสียชีวิต ในปี ค.ศ.1925 เจียงขึ้นมาเป็นหัวหน้าก๊กมินตั๋งแทน และในปี ค.ศ.1926 เขาก็แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต่อมาภายหลังโด่งดัง มีอำนาจคับโลก หล่อนคือ เมย์-หลิง ซ่ง (May-ling Soong) ลูกสาวอีกคนหนึ่งของเศรษฐีใหญ่ชาลี ซ่ง ที่คุ้นเคยกับซุนยัดเซ็น นั่นเอง ….เจียงลงทุนเข้ารีต เปลี่ยนไปนับถือคริสเตียนตามเมียไฮโซ

ชาลี ซ่ง (Charlie Soong) เป็นชาวจีนที่โตมากับพวกมิชชันนารีในจีนที่ไหหลำ ทางใต้ของจีน….พวกมิช ชั่นนารีส่ง เขาไปเรียนหนังสือที่อเมริกา หลังจากนั้นชาลี ก็เข้ารีตเป็นคริสเตียน และเปลี่ยนชื่อเป็นฝรั่ง เมื่อชาลีเรียนมหาวิทยาลัยจบ ก็กลับมาจีน และปักหลักทำธุรกิจอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ แดนฝรั่งในจีน

เขาเริ่มธุรกิจด้วยการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลขาย จนมีฐานะ และต่อมาก็ถือว่า เป็นเศรษฐีคนหนึ่ง เขามีลูกสาว 3 คน ลูกชาย 3 คน ลูกชายลูกสาว ทุกคนถูกส่งไปเรียนหนังสือที่อเมริกา ตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ ทุกคนจบมหาวิทยาลัยชั้นดีในอเมริกา ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดีกว่าภาษาจีน ลูกสาวคนหนึ่ง ชิง-หลิง ไปช่วยทำงานให้ซุนยัดเซ็น ในที่สุดก็รักกัน และไปอยู่กินกับซุนยัดเซ็น เมื่อซุนยัดเซ็นลี้ภัยไปอยู่ญี่ปุ่น ชิง-หลิง ก็ตามไปด้วย ซึ่งทำให้ชาลีไม่พอใจอย่างยิ่ง ถึงขนาดตัดขาดกับทั้ง 2 คน

แต่เมื่อได้ลูกเขยชื่อเจียงไคเช็ค… ชาลี ซ่ง กลับปลาบปลื้มและทำธุรกิจร่วมกัน ไม่ใช่เฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ แต่ขยายไปทั่ว เมื่อเจียงไคเช็คพาพรรคพวกหนีพรรคคอมมิวนิสต์ ไปอยู่ไต้หวัน และตั้งตัวเป็นประธานาธิบดี ลูกชายของชาลีคนหนึ่งชื่อ เซ-เวน (Tse-ven) แต่เจ้าตัวและพวกฝรั่งเรียกว่า (TV) ทีวี ก็ไปทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีคลังให้แก่น้องเขย และเป็นอยู่หลายสมัย เลยยิ่งรวยกันใหญ่

จริงๆ ที วี (T V) ทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวให้แก่ซุนยัดเซ็นมาก่อน ตั้งแต่สมัยที่ซุนยัดเซ็น ปักหลักเริ่มวาง แผนอยู่แถวเซี่ยงไฮ้ ในปี ค.ศ.1917 นาย ที วี นี่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด และนิยมทุกอย่างที่เกี่ยวกับอเมริกา เมื่อย้ายมาทำงานให้เขยอีกคนคือ เจียง นอกจากได้เป็นรัฐมนตรีคลังแล้ว นายทีวี ยังเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวัน และเป็นผู้ก่อตั้งสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของไต้หวัน เมื่อเกิดสงคราม โลกครั้งที่ 2 นายที วี ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างไต้หวันกับอเมริกา โดยเป็นผู้ติดต่อโดยตรงกับประธานาธิบดีรูสเวลท์ (Roosevelt) ของอเมริกา… รูปแบบคุ้นๆ จัง

ตัวแปรสำคัญ… ที่ทำให้เส้นทางเดินของเจียงไคเช็ค เปลี่ยนจุดหมาย เลี้ยวออกจากที่เคยเดินไปทางเดียวกับซุนยัดเซ็น น่าจะเป็นตระกูลซ่ง ตั้งแต่ตัวพ่อ ลูกสาวและลูกชาย

จากประวัติของ ชาลี ซ่ง ที่เป็นเด็กเลี้ยงของมิชชันนารี คริสเตียน และภายหลังเห็นชัดว่า เป็นเด็กสร้างของอเมริกา อเมริกาจึงน่าจะเป็นผู้จัดการให้ ชาลี ซ่ง และครอบครัว มาทำหน้าที่… ทำงานคัดท้ายจน ถึงครอบงำ… ผู้ที่จะมาทำการปกครองจีน หลังจากราชวงศ์ชิงล่ม….ตามแผนครอบครองจีนของอเมริกาและเพื่อให้เป็นไปตามแผน ที่ผลสรุปของตัวแสดงยังออกมาไม่ชัด… อเมริกาจึงต้องซื้อไพ่ชื่อ ซุนยัดเซ็นและเจียงไคเช็ค ทั้ง 2 ใบ…. และให้มีการประกบใกล้ชิด ทั้ง 2 ใบ มันเป็นงานใหญ่ ที่ต้องใช้กันทั้งครอบ ครัว และอาจจะทั้งตระกูล และใช้เวลาหลายชั่วชีวิตคน อย่างที่เราจะนึกไม่ถึง

นี่คือต้นแบบของหนอนใน ที่ฝรั่งใช้เอามาฝังไว้ในประเทศต่างๆ แม้ในแดนสยามก็ยังมี และยังใช้อยู่…

มันเป็นการมองการณ์ไกลของผู้สร้าง ชาลี ซ่ง และครอบครัว บวกความทะเยอทะยานของครอบครัว ชาลี ซ่ง ผสมกัน ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก …ยอมเป็นขี้ข้าให้ฝรั่งใช้… ในประเทศตนเอง นี่มันต้องใช้หลายอย่าง …แต่ที่ไม่ใช้คือ ความรัก ความกตัญญูต่อแผ่นดินเกิดของตนเอง และความมีศักดิ์ศรีในชนชาติของตน

ส่วนเรื่องของซุนยัดเซ็น น่าเชื่อว่า ซุนยัดเซ็น มีอุดมการณ์จริงตั้งแต่เริ่มแรก ที่ต้องการไล่ราชวงศ์ชิงที่เหลวเละและยอมฝรั่ง และไล่พวกฝรั่งให้พ้นไปจากจีน และอังกฤษเองก็น่าจะรู้เป้าหมายของซุนยัดเซ็นอยู่แล้ว แต่อังกฤษคงปล่อยให้ซุนยัดเซ็นเล่นไประดับหนึ่ง เพื่อไล่ราชวงศ์ชิง เพราะถ้าราชวงศ์ชิงร่วงไป ก็เป็นประโยชน์กับอังกฤษเช่นกัน

ส่วนการปล่อยให้ซุนยัดเซ็นมาอยู่ญี่ปุ่น ที่อังกฤษรวมทั้งอเมริกา เอาตาข่ายคลุมไว้หมดแล้ว เพื่อให้เส้นสายของตน ทั้งตามดูและควบคุม ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่เมื่อมีการปฏิวัติสำเร็จ และซุนยัดเซ็นได้รับการสนับสนุนจากประชาชนให้เป็นประธานาธิบดี และตั้งสาธารณรัฐ…. ฝ่ายอังกฤษจึงเห็นว่า ผิดท่า ชาวจีนสนับสนุนมากไป และน่าจะมีอเมริกามาเกี่ยวข้อง …

การที่อังกฤษจะไปคาบจีนกลับมา จึงอาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มันก็เป็นแนวคิดเดียวกันกับการใช้ญี่ปุ่นรวนจีน แต่ไม่ได้ยกจีนให้ญี่ปุ่น… อังกฤษปล่อยหรืออาจจะสนับสนุนทางอ้อมให้ซุนยัดเซ็นไล่ราชวงศ์ชิง แต่ไม่ได้หมายความว่า… ยกจีนให้ซุนยัดเซ็น

นี่คือสันดานที่แท้จริงของอังกฤษ “แค่ใช้ ไม่ใช่ ยกให้”

ยวนชีไข่ จึงได้ใบสั่งให้มาเข้าฉากชั่วคราว เพราะอังกฤษยังไม่ว่างมาจัดการเอง เพราะช่วงนั้นกำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ที่ได้มาจากการทำสงครามโลกครั้งที่ 1

ขณะเดียวกัน ซุนยัดเซ็นจะเป็นเด็กสร้าง หรือรับใบสั่งของอเมริกาหรือไม่ ก็น่าคิด…. แต่ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น… อเมริกาน่าจะเกาะติดและประกบซุนยัดเซ็น ไม่ต่างกับอังกฤษหรือยิ่งกว่า… อเมริกามีแต่ได้ ไม่มีเสีย… ถ้าซุนยัดเซ็นโค่นราชวงศ์ชิงไปได้ ไล่อังกฤษออกจากจีน มันเป็นการเปิดทางเข้าให้อเมริกาทั้งนั้น ชาลี ซ่งและครอบครัว จึงถูกส่งมาประกบ ไม่ให้ซุนยัดเซ็นหลุดเส้นทางและหลุดมือ

แต่การที่ซุนยัดเซ็นเอง ที่เดินหมากเหมือนไม่ตามแผนเช่น การไปตกปากสัญญาจะยกสัมปทานในจีน ให้คนจีนโพ้นทะเล เป็นการชักจูงให้กลับมาอยู่ในประเทศ มาช่วยกันสร้างประเทศดีกว่าให้ฝรั่งมาเอาไป…น่าจะบอกความในใจของซุนยัดเซ็นได้ พอสมควร… ดูๆ ไป….ก็เหมือนซุนยัดเซ็น เล่นละครหลอกฝรั่ง.. ทั้งอังกฤษ อเมริกาและอาจจะญี่ปุ่นด้วย เขาแสดงตัวว่า คบทั้งอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมัน ทั้งคนดี คนชั่ว แต่ที่สำคัญ …การมาคบกับโซเวียต นี่น่าจะเป็นเหตุใหญ่ ให้อเมริกาที่เล่นไพ่ไว้ทั้ง 2 ใบจึงทิ้งไพ่ เหลือเพียงใบเดียว… หันมาสนับสนุนเจียงไคเช็คที่ชัดเจนว่า อยู่ในมืออเมริกาอย่างเต็มที่

มันเป็นรูปแบบที่อเมริกาถนัดเล่น เล่นอย่างนี้ ทุกที่ ทุกสมัย

Scroll to Top