แด่นักรบเงา ที่เสียสละแม้ชีวิต
เพื่อรักษาบ้านเมืองที่รักของเรา

Search

เล่ม 3 ‘เหยื่อ’

ไม่ตกสะเก็ด

ตอน  17

นายฮูเวอร์ อดีตประธานาธิบดีอเมริกา คนที่แม้ตอนนั้นอกจะยังกลัดหนอง จากโดนบี้เสียเละ ในช่วงที่เป็นประธานาธิบดีสมัย Great Depression ของอเมริกา เขาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันที่ถูกประชาชน ประท้วงรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมมีคนซ้ำเติม เขาคงไม่ลืม เขาจึงนั่ง (รับใบสั่ง) เป็นผู้บัญชา การเงาของ SCAP อยู่ที่ อพาร์ตเมนต์ข้างบนโรงแรมหรูในนิวยอร์ก โดยมีอดีตทูตกริวและแฮรี่ เอฟ เคอร์น (Harry F. Kern) ร่วมนั่งรับการบัญชา

หลังจากฝ่ายบัญชาการปล่อยข่าวออกไป จนน่าจะได้ที่และได้ที

เจ้าหน้าที่ของทางวังก็เริ่มมาหารือกับกริว ถึงทางออกของจักรพรรดิ… ที่คงจะเสียหน้ามาก…. ถ้าจะ ต้องออกมาเป็นผู้พูด รับผิดในการสั่งทหารญี่ปุ่นเข้าทำสงครามโลก

ผลของการปรึกษา เจรจากันหลายรอบ ระหว่างตัวแทนของวังกับฝั่งของฝ่ายบัญชาการ ในที่สุดจักรพรรดิก็ตกลงยอมที่จะไปพบนายพลแมค ที่สำนักงานใหญ่ของ SCAP ปิดห้องเจรจากัน 2 คน มันเป็นเรื่องที่จักรพรรดิไม่เคยต้องทำ แต่จักรพรรดิยอมเดินทางไปพบนายพลแมค มีแค่องคมนตรีติดไปด้วย เพื่อทำหน้าที่เป็นล่าม โดยสาบานตนว่า จะไม่เปิดเผยต่อ ไม่ว่ากับใครทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้ว่าทั้ง 2 เจรจาอะไรบ้าง

แล้วในที่สุดคำแถลงของจักรพรรดิ ที่ใช้เวลาร่างและแก้อยู่หลายสิบรอบ ก็ออกวิทยุที่ญี่ปุ่น ในวันที่ 15สิงหาคม ค.ศ.1945 ไม่มีการพูดถึง การสั่งเข้าทำสงคราม ไม่มีคำขอโทษ… แต่ให้คนฟังเข้าใจเอาเองว่า จักรพรรดิเสียใจสุดซึ้ง มันเป็นคำแถลงที่สุดยอดญี่ปุ่น… แปลว่า เข้าใจยากครับ ผมพยายามอ่านอยู่หลายเที่ยว เป็นฉบับภาษาอังกฤษ ที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่นอีกที สงสัยภาษาอังกฤษผมอ่อนมาก ผมชักไม่แน่ใจว่า ตกลงจักรพรรดิเสียใจสุดซึ้งเรื่องอะไรกันแน่ (ท่านใดที่สนใจว่าจักรพรรดิพูดว่าอะไร กดดูในกูเกิล emperor speech ได้เลยครับ)

หลังจากนั้นก็มาถึงคิวบรรดาหัวกะทิ นักธุรกิจนักการเงินใหญ่ที่ SCAP สั่งดำเนินคดี เนื่องจากมีส่วนพัว พัน สนับสนุน รวมทั้งค้าขาย ทำกำไรจากการทำสงครามอันโหดร้ายของญี่ปุ่น บริษัทเหล่านี้จะมีสิทธิถูกพิจารณาลงโทษ ให้ปรับปรุงกิจการ เลิกการผูกขาด ลดขนาดบริษัท ไปจนถึงต้องเลิกกิจการ

แฮรี่ เอฟ เคอร์น บรรณาธิการข่าวต่างประเทศของนิตยสาร Newsweek ซึ่งมีเสียงดังมากในสมัยนั้น เป็นหัวเรือใหญ่ เขาน่าจะเป็นนักล้อบบี้รุ่นแรก  เขาตั้งสำนัก American Council on Japan (ACJ) หรือบางทีเรียกกันว่า Japan Lobby ร่วมกับสื่อใหญ่อีกคน คอมป์ตัน พาเคนแฮม (Compton Pakenham) ประจำสำนักงานในโตเกียว และเจมส์ ลี คอฟฟ์แมน (James Lee Kauffman) ทนายจากนิวยอร์ก ที่มาสอนหนังสือ อยู่ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว ในช่วงปี ค.ศ.1913-1919 และเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้ธุรกิจใหญ่อเมริกันในโตเกียวเช่น บริษัท General Electric, Standard Oil, Westhing House, Ford, Otis Elevator และดิลลอน หรีด (Dillon Reed) ร่วมในขบวนการล้อบบี้ด้วย

เคอร์น เป็นสื่อที่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด สนใจด้านการเมืองแถบเอเซียมานานแล้วเป็นเพื่อนสนิทกับพวกแฮรี่แมน คู่หูของร้อกกี้ the great ในจีน ส่วนพาเคนแฮม เกิดและโตมาในญี่ปุ่น และเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าพ่อในญี่ปุ่นเกือบทุกคน

กริว อดีตทูตอเมริกันประจำญี่ปุ่น รับหน้าที่เป็นประธานของสำนักล้อบบี้ AJC ร่วมกับวิลเลี่ยม แคสเติล (William Castle) เจ้าของไร่ใหญ่ในฮาวาย และเคยเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศสมัยฮูเวอร์ เป็นประธานาธิบดี

ปี ค.ศ.1947 คอฟฟ์แมน ในฐานะตัวแทนของ ดิลลอน หรีด บริษัทการเงินในวอลสตรีทที่มีความใกล้ชิดกับร้อกกี้มากกว่ามอร์แกน เดินทางมาโตเกียวเพื่อประเมินนโยบาย FEC-230 ของวอชิงตัน ที่ให้ตอนพันธุ์พวกหัวกะทิ นักธุรกิจใหญ่ที่เรียกว่า ไซบัตสุ (zaibatsu) จากต้นใหญ่ เหลือเป็นบอนไซในกระถางน่าเอ็นดู เมื่อเขากลับไปอเมริกา เขารีบส่งการบ้าน หลังจากนั้นนโยบาย FEC-230 ก็ถูกส่งไปให้Newsweek โดย วิลเลี่ยม เดรเปอร์ (William Draper) หุ้นส่วนใหญ่ของ ดิลลอน หรีด ที่ขอลาชั่ว คราวมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม

Newsweek เขียนบทความ แบบด่าไม่เลี้ยงว่า การลงโทษธุรกิจญี่ปุ่น ตามนโยบายดังกล่าว จะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นพังพินาศ จะทำให้ชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในภาคธุรกิจ ตกงานเป็นหมื่นๆคน มันเป็นการลง โทษนักธุรกิจญี่ปุ่น แต่สร้างความเสียหายให้แก่ชาวอเมริกันที่เสียภาษีอย่างแสนสาหัส เพราะจะต้องไปรับภาระนั้นแทนญี่ปุ่น

มันเป็นช่วงที่นายพลแมค กำลังเริ่มหาเสียงจะลงเลือกตั้ง มาโดนสื่อใหญ่ถล่มเละ แถมพวกลิพับลิกันก็ช่วยกันด่าซ้ำ เพราะทำให้พรรคเสียคะแนน ท่านนายพลแมค จึงรีบสั่งระงับการเอาบอนไซพันธุ์ไซบัตสุ(zaibatsu) ลงกระถางไว้ชั่วคราวก่อน แต่มีคนใจร้อนขี้เกียจคอย

คราวนี้นายวิลเลี่ยม เดรเปอร์ มาญี่ปุ่นเอง ในฐานะตัวแทนรัฐบาลอเมริกัน แถมพ่วงเอานายธนาคารใหญ่ อีกคนเพอร์ซี่ จอห์นสัน (Percy Johnson) มาด้วย จอห์นสันเป็นประธาน Chemical Bank ในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นคู่ค้ากับธนาคารมิตซุย (Mitsui Bank) ยักษ์ใหญ่มากของญี่ปุ่น พวกเขาสอบถามซักไซ้ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลับไปทำรายงาน

เดรเปอร์–จอห์นสัน (Draper-Johnson) สรุปว่า พวกไซบัตสุ ไม่สมควรที่จะรับโทษ ในการทำสงคราม แต่ควรให้พวกเขารีบมาฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่น จะได้ไม่เป็นภาระกับอเมริกา ในการ(ควักกระเป๋า) ดูแลเลี้ยงดูญี่ปุ่น ด้วยภาษีของคนอเมริกัน… เยี่ยมจริงๆ

สรุปแบบนี้ วอชิงตันก็โกลาหล มีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายเชียร์ ในที่สุดการเมืองอเมริกัน ที่ว่าเป็นประชา ธิปไตยก็ (ถูกสั่งให้) ตัดสินใจยกเลิกการตอนพันธุ์ไซบัตสุ และบริษัทญี่ปุ่นที่อยู่ในข่ายว่าจะต้องถูกตอนจำนวน 325 บริษัท ก็ลดลงเหลือเพียง 20 บริษัท ส่วนพวกไซบัตสุที่รอดมา เปลี่ยนชื่อใหม่ชั่วคราว พอให้ควันจาง ก็กลับไปใช้ชื่อเดิม

ส่วนเรื่องจักรพรรดิ ทหารและนักการเมือง อเมริกาหลังจากขู่เข้ม จนราดเต็มกางเกงกันไปหมดแล้ว ก็สรุปว่า… ให้ไประบุให้ชัดเจนว่า จักรพรรดิอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ… ต่อไปใครจะมากล่าวหาว่าจักรพรรดินำรบไม่ได้แล้วนะ …และให้แน่ใจว่า ทหารเลิกบ้าเลือด… ก็ยุบกองทัพ เหลือแค่เป็นกองกำลังป้องกันตัวเอง ทั้งหมดนี้ ให้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญใหม่ ที่นายพลแมคให้จัดร่างขึ้นมาใหม่

พอถึงปี ค.ศ.1951 ทั้งสองแสนสองหมื่นคน ก็หลุดจากคุกหมด ยกเว้นพวกที่หลุดมาก่อนหน้านั้นแล้ว ก็พวกหัวกะทิไง ให้ออกมาก่อน เก็บไว้แต่หางกะทิ

ในปี ค.ศ.1952 นายพลแมค ก็จัดให้มีการเลือกตั้งในญี่ปุ่น และนายโยชิดะจากพรรค Liberal Democrat Party (LDP) ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนายพลแมค

ส่วนความฝันของนายพลแมคเอง ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในปี ค.ศ.1948 เขาหาเสียงโดยตรงไม่ได้ เพราะกำลังวุ่นเรื่อง SCAP อยู่ แต่เขาประกาศผ่านพวกรีพับลิกัน โดยเฉพาะกับ ฮูเวอร์ ที่กำกับเขามาตลอด ว่าเขาพร้อมแล้ว แต่ดูเหมือนท่านนายพลห้าดาวจะไม่ผ่านแม้แต่การเลือก ตั้งตัวแทนภายในพรรครอบ แรก แต่คงไม่ช้ำใจมาก ได้ของปลอบใจไปแยะ เรียงกันหลายหลักมาก

ทั้งหมดนี่ น่าจะเป็นผลงานการทำงานหนักของ ACJ นักล้อบบี้รุ่นสงครามโลก

ใครจะคิดอย่างไรก็ตาม… ภายหลังจักรพรรดิให้เหรียญตราสูงสุดกับ เคอร์นและพาเคนแนมทั้ง 2 ก็คนแล้วกัน

ACJ เป็นหน่วยงานทำอะไรกันแน่ เห็นไม่ชัดเจนในช่วงนั้น เช่นเดียวกับหน่วยงาน MRA แต่ต่อมาภาย หลัง มีเอกสารเป็นหลักฐานว่า 2 หน่วยงานนี้ คือหน่วยงานหน้าฉากของ CIA และทำงานภายใต้ใบกำ กับ เช่นเดียวกัน

เรื่องของ ACJ นี้…. เป็นตำนานของการใช้สื่อ และการล้อบบี้ที่บันลือโลกมาก เป็นตัวอย่างว่า ปากและปากกานั่น ใช้ให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกคน ก็ล้มรัฐบาล หรือ ครอบครองประเทศได้ โดยไม่ต้องใช้กำลังทหาร และแม้แต่ทหารใหญ่อย่าง นายพลแมค ที่มีหน้าที่ปกครองญี่ปุ่นในตอนนั้น ยังต้องรีบเปลี่ยนบท

เฮ้ย ทำไมมันขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนดันกลายเป็นบ้องกัญชาอย่างนึ้

ทำเป็นฮึดฮัดโกรธจัดเรื่องเพิร์ล ฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor) ถึงขนาดต้องเอาคืน ด้วยการป้อนดอกเห็ดยักษ์ ให้พวกชอบปลาดิบกิน จนตายกันเป็นเบื่อ แล้วจบกันง่ายๆ อย่างนี้นะหรือ… ที่บางประเทศ แค่ปฏิวัติบ่อยหน่อย… ยังไม่ได้ถล่มกองเรือของใครเลย ทำไมด่าซ้ำด่าซาก ไม่ด่าเปล่า เสือกมีของแถมมาขู่อีก แบบนี้ก็ยังจบเรื่องไม่ได้ แค่จบตอนครับ

Scroll to Top