แด่นักรบเงา ที่เสียสละแม้ชีวิต
เพื่อรักษาบ้านเมืองที่รักของเรา

Search

เล่ม 3 ‘เหยื่อ’

ไม่ตกสะเก็ด

ตอนส่งท้าย

ตกลงดูๆ ไป เหมือนญี่ปุ่นลอยตัวอยู่เหนือสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงไม่เป็นผู้ชนะ แต่ก็เหมือนไม่ได้เป็นผู้แพ้…

มีชาวญี่ปุ่นตายเป็นเบือบ้านเมืองฉิบหายแยะ ก็จริงอยู่ …แต่ที่ญี่ปุ่นไปรุกรานย่ำยีเขา เขาก็แหลกลาญ ยับเยินไม่น้อยกว่า หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนญี่ปุ่นไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย เมื่อเทียบกับการกระทำของญี่ปุ่น

ตั้งแต่อเมริกาเข้าไปใช้อำนาจปกครองญี่ปุ่นโดย SCAP ฝ่ายญี่ปุ่นที่น่าจะมีผู้รับผิดชอบ ในการนำหรือส่งเสริมให้ญี่ปุ่นทำสงคราม ก็แทบจะหาผู้รับผิดชอบอย่างแท้จริงไม่เจอ… เห็นแต่เงารางๆ กับคำขอโทษที่ยังกำกวม… และไม่ช่วยทำให้ผู้ที่ถูกญี่ปุ่นย่ำยี นอนตาหลับ

การชดใช้ค่าเสียหายของญี่ปุ่นกับเยอรมัน ในฐานะผู้ทำแพ้สงคราม ต่างกันสิ้นเชิง

เยอรมันถูกฝ่ายอังกฤษและยุโรปตอกหมุด ดิ้นไม่ออก จ่ายค่าเสียหายไปประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญ และค่าชดเชยรายเดือน อยู่อีกหลายสิบปี

ส่วนญี่ปุ่น …อเมริกาบอกว่า ญี่ปุ่นล้มละลาย ทั้งด้านทรัพย์สินและด้านจิตใจ หลังจากกินดอกเห็ดยักษ์เข้าไป เพราะฉะนั้นจ่ายค่าเสียหายเพียง 2 พันล้านเหรียญ ที่เหลือ SCAP บอกว่า รอรับเป็นอาวุธ(เหลือสงคราม) และเครื่องจักรเก่า หรือเครื่องจักรใหม่ที่ผลิตจากทรัพยากร ที่ไปขโมยเขามาได้ไหม… หรือจะเอาเป็นเครื่องจักรใหม่เอี่ยมที่อเมริกาจะให้ผลิต …แต่ไม่ได้ให้ฟรีนะ ให้แบบลดราคา ส่วนต่างจ่ายเป็นอาหาร โอ้ย เงื่อนไขแยะ สรุปว่า… แทบไม่มีใครได้อะไรจากญี่ปุ่น… นอกจากอเมริกา

ฝ่ายอังกฤษและยุโรปบอก แล้วพวกทหารของฝ่ายเราที่ญี่ปุ่นจับไปขังให้กินขี้ กินโคลน อยู่ค่ายกักกันที่สิงคโปร์ประมาณ 5 หมื่นกว่าคน กว่าจะหลุดออกมาหลังสงครามโลกตายไปเกือบครึ่ง… ลืมไปแล้วหรือ นี่ยังไม่ได้นับการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควอันโด่งดังว่า พวกทหารฝรั่งถูกญี่ปุ่นทารุณกันขนาดไหน จะชดเชย จะขอโทษอย่างไร

ในที่สุด ไม่รู้อเมริกาตกลงอะไรกับอังกฤษ ตอนหลังเสียงบ่นของชาวเกาะใหญ่ เงียบเช่นเป่าสาก

ฝ่ายเอเซียเองบอกว่า …เราก็ไม่ลืมเรื่องนานกิง เรื่องเมียหมอนข้าง ที่ญี่ปุ่นกวาดต้อนเอา ไปใช้สอยใน ช่วงสงครามอย่างทารุณ ข่มขืนทั้งร่างกายและจิตใจ มีประมาณกว่าแสนคน ส่วนใหญ่อายุ 14 ถึง 18และไม่ลืมเรื่องการปล้นบ้านเมืองของเราอย่างตะกระและเหี้ยมโหด… แต่ไม่มีใครมาตกลงกับจีน ไม่มีคำขอโทษ โลกแทบไม่รู้เรื่อง เพราะฮอลลีวู้ดมัวแต่ทำหนังเรื่องยิว …สำหรับเกาหลี ญี่ปุ่นบอกเสียใจ แต่ไม่เคยขอโทษ เพิ่งมาพูดปีนี้ แต่ก็บอกว่า ชนรุ่นใหม่ของญี่ปุ่นไม่ต้องรับผิดชอบ เรื่องผ่านไปแล้ว (เดี๋ยวจะสับสนกับเรื่องใหม่ ที่กำลังจะต้องทำ?!)

สำหรับเยอรมัน ฝ่ายใช้อำนาจปกครอง คุ้ยแคะทอง เพชร แม้กระทั่งฝันทองในปากชาวยิว ฮอลลีวู้ดยังทำเอาไปทำหนัง งัดฟันทองยิวให้ดู จนคนด่าเช็ดเยอรมันทั้งโรงหนัง ด้านเยอรมัน… ถูกแจงทุกรายการ…เพราะมียิวคอยจ้อง คอยฟ้อง และเพราะคนคอยแบ่ง มีหลายพวกจ้องกันทั้งตาทั้งปากมันแผล็บ ส่วนการดำเนินคดีกับพวกนาซีที่ฆ่าโหดชาวยิว ถูกจับมาดำเนินคดีไปแล้วหลายคน ผ่านไป 70 ปี คดียังไม่จบก็มี ยังต้องพยุงกันมาศาล เมื่อ 2,3 ปีก็ยังมีข่าวอยู่ ส่วนพวกที่หนีรอดก็เผ่นไปกบดาน เปลี่ยนชื่ออยู่แถวบราซิล อเมริกาใต้ จนแถวนั้น มีแต่ผิวน้ำตาล แต่ผมทอง ตาสีฟ้า กลายเป็นนางแบบ ค่าตัวแพง

แต่สำหรับญี่ปุ่น ดูเหมือนเรื่องจะหายเงียบแทบไม่มีอะไรโผล่ (เหมือนนิทานเรื่องจริง ที่ถูกบีบท่อ ไม่ให้นิทานโผล่ ผมไปตกลงแพ้สงครามกับพวกมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ หือ!)… จะมีก็แต่นายพลโตโจผู้บัญชาการรบ และนายทหารคนสนิทไม่กี่คน ที่แอ่นอก (นี่ ถ้าอดีตนายกฯ คนหนึ่งมาอ่าน หล่อนจะอ่านออกไหม เดี๋ยวจะงงว่า แอ่นอก คืออะไร อ๋อ ไม่อ่านหรือครับ ไม่ชอบอ่านหนังสือ… มิน่า..) ยอมรับกรรม (แทนคนอื่นๆ อีกหลายคน) เมื่อมีคนมากล่อมเขา ให้บอกว่า เขาเป็นคนสั่งให้กองทัพญี่ปุ่นทำสงคราม และเคลื่อนพล ลงมาทางแปซิฟิกใต้ โตโจ บอกไม่มีปัญหา เขารู้หน้าที่ ไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาก็ยิงขมับตัว เองฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตาย ไปนอนโรงพยาบาลอยู่ในคุกซุกาโมแทน พอหาย ก็ไปรับโทษ ถูกแขวนคอ พร้อมกับลูกน้อง ไม่กี่คน

หลังจากนายแอตชิสัน เครื่องบินตกตาย มีคนแคลงใจเรื่องที่ SCAP บอก ญี่ปุ่นล้มละลาย เสนอให้ประธานาธิบดีทรูแมน ส่งคนมาตรวจสอบ ทรูแมนส่งนายเอ็ดวิน เอส พอลลี่ย์ (Edwin S. Pauley) เศรษฐีน้ำมันจากพรรคเดโมแครต (Democrat) มาประเมินเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ว่า เจ๊งจริงหรือเปล่า จะมีปัญญาใช้หนี้ชาวบ้าน เขาบ้างไหม ไหนว่า ปล้นทรัพย์เขามาแยะ

นายพอลลี่ย์ (Pauley) บินมาตรวจสอบที่ญี่ปุ่น เขาตามเจอ บัญชีลับต่างๆ ที่อยู่นอกประเทศ เช่นที่ สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ และอาร์เจนตินา เขา รายงานว่า บัญชีพวกนั้น เป็น ทรัพย์สินส่วนตัวของ พวกนักธุรกิจใหญ่ ไซบัตสุ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำสงครามเลยนะ อ้าว

แต่ในช่วงไม่กี่เดือน ก่อนสงครามจะจบ ทหารพรานอเมริกัน ลูกครึ่ง อเมริกัน-ฟิลิปปิโน นายเซอร์วีโน่ ซานตา โรมานา (Servino Garcia Santa Romana) สังกัดหน่วย โอเอสเอส (หน่วยข่าวกรองของอเมริกา ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นซีไอเอ) ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แถวภูเขาที่เกาะ ลูซอน ฟิลิปปีนส์ แอบเห็นกอง ทัพญี่ปุ่น ใช้รถบรรทุก เป็นขบวนขนหีบ ท่าทางหนักอึ้ง เข้าไปในถ้ำ หลายรอบจนนับไม่ถ้วน เลยแอบตามไปล็อคคอทหารญี่ปุ่นมาสอบถาม ได้ความว่า เป็นหีบบรรจุทองแท่งทั้งนั้น… ส้มหล่นใส่อย่างไม่นึกฝัน… ฝ่ายทหารอเมริกันจึงสั่งปิดตายถ้ำ วางกับระเบิดกันไว้ พร้อมจัดยามเฝ้า

หลังสงครามเลิกนายพลแมคกลับมาลูซอน พร้อมนายพลชาร์ลส์ วิลลาฟบี้ (Charles Willoughby) ลูกน้องคนสนิท และพวกหน่วยข่าวกรองอีกหลายโหล… ช่วยกันเปิดถ้ำขนทองออกไป… หลังจากนั้นก็ปิดตายถ้ำอีกรอบ

เขาว่า ทองที่ขนกันไป… ทองซานตา โรมานา (Santa Romana) พวกเขาเรียกกันอย่างนั้น นอกจาก 2นายพลใหญ่จะรู้แล้วหัวหน้าใหญ่ OSS นายพลโดโนแวน (Donovan) ก็รู้ และแน่นอน เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ (Herbert Hoover) ก็รู้ ทองซานตา โรมานา ไม่ได้ส่งคืนเจ้าของ แต่ฝ่ายอเมริกันขนขึ้นเรือรบ นำ ไปฝากในธนาคาร 42 ประเทศ แยกเป็น 176 บัญชี ตัวเลขที่เปิดเผยคือ ทองจำนวน 20,000 ตัน… ตันนะครับ ไม่ใช่กิโล ไม่ใช่บาท

บางส่วนของทอง แบ่งเอาไปใช้ในกิจการ นอกระบบของซีไอเอ เหมือนรายได้จากพวกฝิ่น เฮโรอีน แถวฉาน พม่า ลาว สามเหลี่ยมทองคำนั่นแหละ ไม่ต้องกวนภาษีประชาชนคนอเมริกัน และไม่ต้องขออนุญาตรัฐสภา เวลาจะปฏิบัติการไม่ต้องแจงรายละเอียด ส่วนที่เหลือไปไหนบ้าง… หนังสือที่อ่านไม่บอก ผมรู้แต่ว่า คนเขียนหนังสือ… ที่เล่าข้อมูลฝ่ายญี่ปุ่น เขียนเสร็จ พอหนังสือออกขาย เขาต้องย้ายบ้าน ย้ายประเทศ… แต่ผมไม่ไปไหนละครับ  อยู่บ้านผม ในแดนสยามที่ผมรักนี่แหละ

หลังสงครามโลก พรรค Liberal Democrat Party หรือ LDP ที่คลอดในคุกซุกาโม มียากูซ่า เป็นหมอตำแย ก็เป็นผู้ใช้อำนาจบริหารญี่ปุ่น มาจนถึงทุกวันนี้

หลังสงครามโลก กลุ่มอเมริกัน มอร์แกน…. เสียตำแหน่งเจ้าพ่อใหญ่ ที่คุมทุกปีกในอเมริกา ให้แก่…. กลุ่มอเมริกัน ร้อกกี้เฟลเลอร์ …

เขาว่า เพราะมอร์แกน แทงม้าผิดตัว ทุ่มผิดที่… นึกว่า ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะเคี้ยวเหยื่อ เหมือนตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่มันไม่มีอะไรแน่นอนตลอดเวลาหรอก… พวกเอ็งควรศึกษาศาสนาพุทธ ให้เข้าใจถึงเรื่องการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเสียบ้าง จะได้ไม่ตะกระตะกรามขนาดนี้

ส่วนร้อกกี้อาศัยเทคนิคใหม่ ล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องใช้เงินถม ไม่ต้องใช้กองทัพคนมากมาย อย่างชาวเกาะใหญ่ แค่ใช้กองทัพลมปาก กับตั้งโรงงานฟอกย้อมความคิดให้มากหน่อย ลงทุนครั้งเดียว ผ่านมา 70 ปี สีย้อมยังติดทนดีอยู่เลย เฮ้ย เหนื่อยใจ

หลังสงครามโลก จอห์น แมคคลอย (John McCloy) เป็นผู้อำนวยการสถาบัน CFR ตั้งแต่ ปี ค.ศ.1953 ถึง ค.ศ.1970

แมคคลอย (McCloy) เป็นใคร สำคัญอย่างไร

แมคคลอย เดิมเป็นทนาย (ทนายอีกแล้ว!) อยู่ในกลุ่มวอลสตรีทกับพวกมอร์แกน ต่อมาแปรพักตร์ ย้ายมาอยู่กลุ่มร้อกกี้ เขาคงมองเห็นอะไร แวบ ๆ พวกทนายพันธุ์นี้ มักจมูกดี ได้กลิ่นเน่าไว เลยย้ายมาอยู่ สนง กฎหมาย Milbank Tweed ซึ่งทำงานให้ตระกูลร้อกกี้ the great กับเป็นที่ปรึกษากฎหมายใหญ่ ให้ธนาคาร Chase หลังจากนั้นได้เลื่อนชั้น เป็นประธานกรรมการ ธนาคาร Chase อย่างไม่ต้องรอคิว

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ ร้อกกี้ ปราบดา เขี่ยมอร์แกน ไปจนพ้นทาง จึงส่ง แมคคลอย มาเป็น ประธาน CFR ซึ่งก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกมอร์แกนยึดเก้าอี้ CFR ไว้แน่น

นายแมคคลอยนี้ เป็นคนไปค้นพบเฮนรี่ คิสซิงเจอร์ (Henry A. Kissinger) พวกพันธุ์พิเศษอีกเหมือน กัน และเอามามอบตัว ถวายหัวรับใช้ร้อกกี้ the great เขาเป็นคนกำกับ ควบคุม นโยบายต่างประเทศ ที่ทรงอิทธิพลที่สุด คนหนึ่งของอเมริกา โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องโซเวียต จีน เวียตนาม อิหร่าน อเมริกาใต้ ใน ช่วงปี ค.ศ.1969 ถึง ค.ศ.1977

และเพื่อให้ Grand Area ส่วนที่เป็นเอเซียแปซิฟิก เป็นไปตามแผน ของ War and Peace Studiesโดยเฉพาะในเรื่องการใช้ญี่ปุ่น เป็นฐานสำคัญ ด้านอุตสาหกรรมและ “อื่นๆ” ให้อเมริกา ในปี ค.ศ.1973ร้อกกี้ แมคคลอยและคิสซิงเจอร์ ก็จัดตั้ง Trilateral Commission ขึ้นมาเป็นสาขาลูกของ CFR ภาย ใต้การสนับสนุนด้านเงินทุน และ “อื่นๆ” จากมูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ เพื่อรับนโยบายการดำเนินงาน และประสานงานในภูมิภาคนี้ ให้สอดคล้องกับนโยบายของ CFR ในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ให้เหมือกันทั้งโลก ตามที่อเมริกาหรือ CFR ต้องการ… สรุปสั้นๆ ตามภาษาแถวบ้านผมแปลว่า “พวกมึงต้องทำตาม ที่กูบอก” ทำนองนั้นนะครับ

สมาชิกส่วนใหญ่ของ Trilateral เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ นักธุรกิจใหญ่ นักการเมืองใหญ่ ใหญ่ๆทั้งนั้น และ ส่วนใหญ่มาจากอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี มีส่วนน้อยจากอินโดนีเซียและชาติอื่นๆ ในเอเซีย และอเมริกาใต้

แล้วมีคนไทยเป็นสมาชิก Trilateral นี้ไหม มีครับ เปลี่ยนมาหลายรุ่น และผมก็เคยใส่ชื่อ ไปแล้วหลายรอบ เพจพังเกือบทุกรอบ ถ้าใส่อีกรอบ กลัวจะพังมากกว่าเพจ ลองไปค้นหาอ่านกันดู กดดูจากกูเกิลได้ เด็ดๆ ทั้งนั้น หาไม่เจอบอกมาครับ จะเอามาลงให้ ดูซิ มันจะพังอีกรอบไหม ไหนๆ โดยรวนรายวันอยู่แล้ว

(หมายเหตุ : ดูรายชื่อคนไทยที่เป็นสมาชิก Trilateral ครบชุดทุกรุ่นมีอยู่ในนิทานเรื่อง มายากลยุทธ์ ได้ครับ)

ร้อกกี้ the great น่าจะใช้วิธี “กำกับ” รัฐบาลอเมริกันผ่าน 4 หน่วยงานหลักคือ กระทรวงต่างประเทศ,สภาความมั่นคง National Security Council (NSC) , ซีไอเอ และ CFR

CFR ทำหน้าที่เป็นมันสมอง และเป็นผู้ “กำกับ” รัฐบาล อีกต่อหนึ่ง

อิทธิพลของ CFR มากมายอย่างที่เรานึกไม่ถึง เอาว่า ประธานาธิบดี เกือบทุกคน ไม่ว่าจะสังกัดพรรคไหน ก็สังกัด CFR ทั้งสิ้น และเขาว่า ถ้า CFR ไม่เห็นชอบคนไหน คนนั้นก็อย่าเสียเวลา ไปสมัครเลือก ตั้งเป็นประธานาธิบดี เสียเงินเปล่าๆ นอกจากให้ไปลงสมัครแบบเป็นตัวประกอบสร้างสีสัน

นอกจากนี้ CFR เป็นผู้ส่งสมาชิกของตัว ไปเป็นหัวหน้า และระดับผู้บริหารสำคัญ ในหน่วยงานข้างต้น ทั้ง 3 หน่วยด้วย รายชื่อสมาชิก ของ CFR มีทั้ง นักการเมือง นักธุรกิจ นักการเงิน นักกฎหมายนักวิชาการ สื่อ รวมถึงดาราทั้งหมด ต้องเป็นรุ่นใหญ่ระดับเอ คลาส (class A) อย่างดาราฝ่ายหญิง ก็สาวแซบ แองเจลีนา โจลี  …ส่วนฝ่ายชาย ท่านที่เป็นแฟนเพจนิทาน คงเดาไม่ผิด จอร์จ คลูนีย์ รูปหล่อที่ไปช่วยซูดานนั่นไง …ใครสนใจในรายละเอียด ในกูเกิลมีเช่นเดียวกัน

สำหรับญี่ปุ่น เด็กสร้างตัวสำคัญของอเมริกา (หรือ ร้อกกี้) ในการกินเอเซียแปซิฟิก ที่มีพรรค LDP เป็นผู้บริหารประเทศญี่ปุ่นมาเกือบตลอดเวลา ตั้งแต่หลังสงครามโลก ทำหน้าที่เป็นฐานอุตสาหกรรมต้นทุนต่ำ ทำกำไรให้อเมริกามากมาย เศรษฐกิจญี่ปุ่น จะขึ้น จะลง ดี เลว ขึ้นอยู่กับความเมตตาของอเมริกาทั้งสิ้น การเมือง การศึกษา สังคม วัฒนธรรมของญี่ปุ่น เปลี่ยนไปตามแม่พิมพ์ ที่อเมริกาจัดส่งให้อเมริกาต้องการอะไร ฐานทัพหรือ ได้ จัดให้ และตอนนี้ ญี่ปุ่น ก็กำลังมีภารกิจใหญ่ …ต้องเป็นซามูไรแบกถาดรับใช้อเมริกาอีกแล้ว… ไม่มีปัญหา แบกถาดรับใช้มาตลอดอยู่แล้ว แต่โลกไม่รู้ …เพิ่มถาดใหญ่ อีกถาดเป็นไรไป

และจีน ก็ยังอยู่ ยังยั่วน้ำลาย น่ากิน เหมือนร้อยกว่าปีที่ผ่านมา แต่จะเคี้ยวทีไร มีอันเป็นไปทุกที

ร้อยปีก่อนอังกฤษปั่นหัวญี่ปุ่น ให้ไปตีรวนจีน ให้จีนน่วม ก่อนที่อังกฤษจะไปกิน แต่แล้วอังกฤษ ก็งับลม… อเมริกาวางแผนจะกิน จีนพลิกตัวปิดประตูเมือง เป็นคอมมิวนิสต์… ดีกว่าเป็นอาณานิคมขี้ข้าฝรั่ง

มาถึงปีนี้ ค.ศ. 2016 ผ่านมาร้อยกว่าปี ยังมีคนไม่สิ้นความอยาก และความพยายาม

CFR ออกรายงาน Revising U.S Grand Strategy towards China เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา (ค.ศ. 2015) พอสรุปได้ว่า อเมริกาเห็นจีน เป็นคู่แข็งที่สำคัญที่สุดของอเมริกาในขณะนี้ และต่อไปอีกหลายๆ สิบปี …จีนกำลังดำเนินยุทธศาสตร์ ที่มีเป้าหมายจะเข้าไปแทนที่อเมริกา ที่มีสถานะเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในเอเซีย …อเมริกา จึงจำเป็นต้องถ่วงดุลยอำนาจจีน…และการทำให้รากฐานของจีนล่มสลาย (fundamental collapse) จึงเป็นทางเดียวที่จะทำให้อเมริกาพ้น “ภาระ” การถ่วงดุลกับจีน…

อ่านแล้วงง เอาภาษาแถวบ้านผมดีกว่า อเมริกา กำลังบอกจีน ว่า ” …มึงโตไป กูปล่อยให้มึงโตแบบนี้ไม่ได้ กูต้องทำลายมึงให้สิ้นซาก…”

อเมริกาคงไม่ปล่อยให้จีน ยืนตัวโตค้ำหัวอเมริกาอีกต่อไป อเมริกาต้อง “ทำอะไร” แล้ว และ Grand Strategy แนะนำ (สั่ง) ให้อเมริกา มอบหมายให้ญี่ปุ่น เป็นหัวหน้า เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ในการ “ทำอะไร” ดังนั้นสิ่งที่อเมริกาและญี่ปุ่นกำลังจับมือกัน ทำเป็นการด่วนคือ ปลดโซ่ล่ามกองทัพญี่ปุ่น ที่ท่านนายพลแมคล่ามด้วยรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น มาตรา 9 ที่ห้ามไม่ให้ญี่ปุ่นมีกองกำลัง เว้นแต่เพื่อป้องกันตัวเอง

วันนี้อเมริกาต้องการให้ญี่ปุ่น ผู้ชำนาญการป่วนจีน …กลับไปใช้ความชำนาญเดิมอีกรอบหนึ่งเรื่องนี้

รัฐสภาของอเมริกาให้การสนับสนุนญี่ปุ่น ท่วมท้นให้ญี่ปุ่น มีกองกำลังร่อนไปทั่ว (และจริงๆ เขาว่า ก็ร่อนออกมาแล้วด้วย) เรื่องสงครามโลก การรบกัน การกินดอกเห็ดจนตายเกลื่อน ลืมกันหมดแล้ว ส่วนที่ญี่ปุ่นเอง สภาล่างที่ตาหลาน หลานตา คุมอยู่หมัด ผ่านมตินี้แล้วเมื่อเดือนก่อน (กรกฎาคม) เหลือแต่สภาสูง ที่คาดว่าจะลงมติผ่านในเดือนกันยายน ก่อนที่สภาสูงจะปิดในสิ้นเดือนกันยา เพราะตาหลาน หลานตา ก็คุมอยู่เช่นกัน

แต่ก็น่าสนใจล่าสุด ชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ไม่อยากให้สภาผ่านกฎหมายนี้ ไม่อยากเข้าทำสงคราม ไม่อยากแบกถาดอีก กำลังเริ่มออกมาประท้วงหลานตามากขึ้น ตั้งแต่เดือนที่แล้วและเมื่อวันที่ 30 สิงหา นี้เอง (ค.ศ.2015) ชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นคน ออกมาชุมนุมใหญ่ คัดค้านการออกกฎหมายแบกถาด และเรียกร้องให้หลานตาลาออก ขณะเดียวกันก็มีข่าวเรื่องยากูซ่าแก๊งใหญ่ที่สุดในญี่ปั่น แตกคอกันเอง ทางการญี่ปุ่นอ้างอาจมีการซัดกันกลางเมือง

เรื่องบังเอิญอีกแล้วหรือ ก็ต้องดูว่า ใบสั่ง หรือ พลังของประชาชนญี่ปุ่นจะชนะ

ผมเล่าประวัติศาสตร์ เพื่อให้เข้าใจปัจจุบัน ว่าตอนนี้ เขากำลังทำอะไรกัน เพราะเหตุใด และเมื่อมีเหตการณ์ใดเกิดขึ้น มันน่าจะมาจากเรื่องไหน และน่าจะพอให้เรามองออกว่า แล้วมันจะไปต่อทางไหน ถ้าจะให้ดี สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่าน ช่วยกลับไปอ่านนิทาน เรื่อง แผนสอยมังกร กับเรื่อง ซามูไรแบกถาด ประกอบกับนิทานเรื่องนี้ จะเข้าใจขึ้นว่า การระเบิดต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าในจีนหรือที่ไหน ร่วมทั้งเรื่อง รัสเซีย อิหร่าน ตุรกี เลบานอน และล่าสุดมาเลเซีย มันเกี่ยวพันกันหรือไม่ และจะกระทบบ้านเรา หรือ ไม่อย่างไร 

แล้วก็โปรดอย่าลืม สูตรสำเร็จของนักล่า ไม่ว่ารุ่นไหน ยุคไหน กินคำเดียวไม่ไหว ก็ทุบให้น่วมก่อนเคี้ยว แล้วตอนนี้มันจะทุบที่ไหนบ้าง

ส่วนเรื่องจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ อเมริกา เมื่อ 100 ปีก่อน มาจนถึงตอนนี้ คงสรุปกันได้แล้วว่า ตกลง ใครต้ม ใครซ้อน ใครเจ็บ ใครช้ำ ใครซ่อน ใครรวย ใครโหด ใครเหี้ยม

แบบนี้ แผล มันก็คงจะตกสะเก็ดยาก….

หมายเหตุ : โพสต์ลงเพจนิทานเรื่องจริงฯ เมื่อวันที่ 13 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 ปรับปรุง แก้ไขใหม่ เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559

Scroll to Top